ใส่ใจคุณภาพ รับผิดชอบงาน ยึดมั่นคำสัญญา เชื่อมั่นว่าความสำเร็จ
ได้มาด้วยการลงมือปฏิบัติ
วิสัยทัศน์
บริษัทก่อสร้างของคนไทยที่เกิดขึ้นและเติบโต โดยยึดถือหลักปรัชญาว่า "ยึดมั่นในความซื่อสัตย์ต่อวิชาชีพ รักษาคุณภาพงาน ปฏิบัติตามสัญญาและระเบียบฯ และเชื่อมั่นว่า ความสำเร็จ จะได้มาด้วยการทำอย่างทุ่มเทเท่านั้น"
พันธกิจ
- สร้างสรรค์ผลงานอย่างมีคุณภาพ ด้วยตระหนักว่า เราไม่ได้สร้างเพียงอาคาร แต่กำลังสร้างเมืองที่น่าอยู่สำหรับทุกคน
- การยึดถือหลักคุณธรรมและความซื่อสัตย์ต่อลูกค้า คู่ค้า และพนักงานทุกคน
- มีความรับผิดชอบต่อสังคม และกตัญญูต่อประเทศชาติ
นโยบายและแนวทางการป้องกันการทุจริตในการจัดซื้อ-จัดจ้าง
บริษัท เบ็ญจมาศ จำกัด มีอุดมการณ์ในการดำเนินธุรกิจอย่างมีคุณธรรม โดยยึดมั่นความรับผิดชอบต่อสังคมและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่มตามหลักบรรษัทภิบาลที่ดี โดยมีการบริหารกิจการบนพื้นฐานความโปร่งใส มีจริยธรรม ยึดมั่นในหลักการกำกับดูแล กิจการที่ดี และปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันและต่อต้านทุจริตคอร์รัปชัน
เพื่อให้มั่นใจว่า บริษัท เบ็ญจมาศ จำกัด มีนโยบายกำหนดความรับผิดชอบ แนวปฏิบัติ และข้อกำหนดในการดำเนินการที่เหมาะสม เพื่อป้องกันการทุจริตคอร์รัปชันกับทุกกิจกรรมทางธุรกิจของบริษัท เบ็ญจมาศ จำกัด และเพื่อให้การตัดสินใจและการดำเนินการทางธุรกิจที่อาจมีความเสี่ยงด้านการทุจริตคอร์รัปชันได้รับการพิจารณาและปฏิบัติอย่างรอบคอบ บริษัท เบ็ญจมาศ จำกัด จึงได้จัดทำ “นโยบายต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน” เป็นลายลักษณ์อักษรขึ้น เพื่อเป็นแนวทางการปฏิบัติที่ชัดเจนในการดำเนินธุรกิจ
ทุจริต หมายถึง การแสวงหาผลประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับ ตนเองหรือผู้อื่น
คอร์รัปชัน หมายถึง การให้ สัญญาว่าจะให้ การรับ เรียกรับทรัพย์สิน ไม่ว่าจะอยู่ในรูปของเอกสาร ข้อมูล เงิน หรือผลประโยชน์อื่นใดซึ่งไม่ถูกต้องเหมาะสม เพื่อให้บุคคล ยกเว้นการกระทำอันเป็นการให้ได้มาหรือรักษาไว้ซึ่งธุรกิจ หรือผลประโยชน์ใดๆ อันมิชอบให้กับตัวเอง พวกพ้อง หรือบริษัทฯ ทั้งทางตรงและทางอ้อม รวมถึงการกระทำใดที่ขัดหรือแย้งกับจรรยาบรรณของบริษัทฯ การกระทำดังกล่าวรวมถึง
ก. การให้และการรับของขวัญ การเลี้ยงรับรองและการบริการในรูปแบบอื่นใด หมายถึง ค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่จ่ายเพื่อเป็นค่าสิ่งของ การเลี้ยงรับรองตลอดทั้ง ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวเนื่องกับการดังกล่าวมีมูลค่าทางการเงินและรวมถึงสิ่งที่สามารถแลกเปลี่ยนเป็นสินค้าหรือบริการได้ การสละสิทธิที่จะไม่รับสิ่งของหรือบริการที่บริษัทฯ พึงได้รับ หมายถึงการสละสิทธิที่บริษัทฯ พึงได้รับประโยชน์จากลูกค้า คู่ค้า และ/หรือผู้ที่เกี่ยวข้องทางธุรกิจ ไม่ว่าจะมีมูลค่าทางการเงินหรือไม่ก็ตาม
ข. การช่วยเหลือทางการเมืองที่มีลักษณะมิชอบตามกฎหมาย หมายถึง การช่วยเหลือ
ทางด้านการเงินหรือการให้บริการไม่ว่าในรูปแบบใดที่มิชอบด้วยกฎหมาย
ค. การบริจาคเพื่อการกุศล/เงินสนับสนุนต่างๆ หมายถึง การบริจาคหรือสนับสนุนเงินหรือสิ่งของหรือประโยชน์อื่นใด ให้บุคคลหรือนิติบุคคลอื่นใดที่มี วัตถุประสงค์แอบแฝง มิชอบตามกฎหมายหรือเงินสนับสนุนเพื่อธุรกิจ ตราสินค้าหรือชื่อเสียงของผู้บริจาคเงิน
แนวทางในการปฏิบัติงานตามนโยบายและแนวทางการป้องกันการทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้าง
1. คณะกรรมการ มีหน้าที่รับผิดชอบในการกำหนดนโยบาย และกำกับดูแลนโยบายต่อต้านคอร์รัปชัน ให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล เพื่อให้มั่นใจว่าฝ่ายบริหารได้ตระหนักและให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งต่อนโยบาย หากกรณีมีรายงานการทุจริตคอร์รัปชันเกิดขึ้นในองค์กร ผู้บริหารมีหน้าที่ให้คำปรึกษา ข้อแนะนำและกำหนดบทลงโทษตามที่รายงาน ที่เสนอขึ้นมา
2. ผู้บริหาร ผู้รับมอบหมาย ตรวจสอบสายงานหรือหน่วยงานที่รับผิดชอบที่กำกับดูแลอยู่โดยการประเมินความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดการทุจริตคอร์รัปชัน เพื่อให้มั่นใจว่าสายงานที่รับผิดชอบอยู่ มีความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดการทุจริตคอร์รัปชันได้น้อยที่สุดหรือไม่มีเลย พร้อมกับร่วมหามาตรการ ปิดความเสี่ยงดังกล่าวหากมีในองค์กร
3. ผู้บริหาร หัวหน้างาน หรือผู้ได้รับมอบหมาย ปฏิบัติหน้าที่ตามนโยบายและเป็นไปตามแผนการตรวจสอบ พร้อมเสนอรายงานการประเมินความเสี่ยงเกี่ยวกับการทุจริตคอร์รัปชันที่อาจเกิดขึ้นในฝ่ายหรือส่วนงานที่รับผิดชอบต่อคณะกรรมการฝ่ายตรวจสอบ
4. ผู้บริหาร หัวหน้างาน จะต้องสื่อสารกับบุคลากรในองค์กร หรือผู้ที่เกี่ยวข้องกับองค์กรทราบอย่างทั่วถึง พร้อมทำความเข้าใจถึงนโยบายการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน
5. ผู้บริหาร หัวหน้างาน พนักงาน ผู้ที่เกี่ยวข้องกับบริษัทฯ ต้องปฏิบัติตามนโยบายต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันอย่างเคร่งครัด ให้ยึดหลักจรรยาบรรณในการทำงาน โดยไม่เข้าไปเกี่ยวข้องกับการทุจริตคอร์รัปชันทุกรูปแบบ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อมและจะไม่ถูกลงโทษ ไม่ว่าจะเป็นการลดตำแหน่ง หรือผลลบใดๆ ในการปฏิเสธการคอร์รัปชัน แม้การกระทำนั้นจะทำให้บริษัทฯ สูญเสียโอกาสทางธุรกิจก็ตาม
ก. ไม่ให้และไม่รับสิ่งของ ของขวัญ การเลี้ยงรับรอง การบริการต่างๆ ตลอดจนทรัพย์สินหรือ
ประโยชน์อื่นใด จากผู้ที่เกี่ยวข้องที่ตนเข้าไปติดต่อประสานงาน ทั้งหน่วยงานราชการและ
เอกชน หรือหน่วยงานอื่นใดก็ตาม เพื่อเป็นการชี้นำให้เกิดการละเว้นในการปฏิบัติหน้าที่
ของตนและของผู้อื่น
ข. ไม่เป็นตัวกลางในการเสนอผลประโยชน์อันใด ไม่ว่าจะเป็นตัวเงิน สิ่งของ หรือทรัพย์สิน
ใดๆ กับผู้ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ เพื่อแลกกับสิทธิพิเศษที่ไม่ควรได้
6. ผู้บริหาร พนักงาน ไม่เพิกเฉยหรือละเลย เมื่อพบเห็นการกระทำที่เข้าข่ายคอร์รัปชันที่เกี่ยวข้องกับบริษัทฯ โดยการแจ้งให้หัวหน้างานหรือผู้รับผิดชอบทราบ พร้อมให้ความร่วมมือในการตรวจสอบ ข้อเท็จจริง
7. ในการจัดซื้อจัดจ้าง ต้องปฏิบัติตามระเบียบปฏิบัติในการจัดซื้อจัดจ้างอย่างเคร่งครัด เพื่อความโปร่งใส ตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน
8. ผู้บริหาร พนักงาน ไม่กระทำการอันใดที่ทำให้บริษัทฯ ถูกมองว่าเอนเอียงทางการเมือง กล่าวคือ บริษัทฯ เป็นองค์กรที่ยึดมั่นในความเป็นกลางทางการเมือง สนับสนุนการปฏิบัติตามกฎหมายและการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข บริษัทฯ ไม่สนับสนุนพรรคการเมือง ไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อม
9. การใช้จ่ายสำหรับการเลี้ยงรับรองทางธุรกิจ และการใช้จ่ายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติตามสัญญาทางธุรกิจสามารถทำได้ แต่ต้องใช้จ่ายอย่างสมเหตุสมผลและไม่ส่อไปในทางทุจริต สามารถตรวจสอบได้
10. การบริจาคหรือสนับสนุนโครงการต่างๆ สามารถทำได้แต่ต้องกระทำในนามของบริษัทฯ เท่านั้น โดยการบริจาคดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบโครงการหรือหน่วยงานการกุศล จะต้องเป็นโครงการ หรือหน่วยงานที่น่าเชื่อถือตรวจสอบได้ และการเบิกจ่ายต้องมีวัตถุประสงค์ที่ชัดเจนและต้องดำเนินการผ่านขั้นตอนการเบิกจ่ายอย่างถูกต้องตามบริษัทฯ กำหนด
11. คณะกรรมการจะสอบทานแนวทางปฏิบัติและมาตรการดำเนินงานอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของกฎหมาย และสภาพการดำเนินธุรกิจ
การสื่อสารองค์กร
เพื่อให้ทุกคนในองค์กรได้รับทราบนโยบายและแนวทางการป้องกันการทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้าง บริษัทฯ จะดำเนินการโดยเผยแพร่นโยบายต่อต้านการคอร์รัปชัน
ผ่านช่องทางการสื่อสารของเว็บไซต์ www.benjamas.co.th และจดหมายอิเล็กทรอนิคส์ (E-mail) ภายในของบริษัทฯ
ช่องทางการรับแจ้งเบาะแส หรือร้องเรียนการทุจริตและคอร์รัปชัน
สามารถร้องเรียนการกระทำที่อาจทำให้เกิดความสงสัยได้ว่าเป็นการทุจริตและคอร์รัปชันที่เกิดขึ้นกับบริษัทฯ โดยทั้งทางตรงหรือทางอ้อม โดยผ่านช่องทางการรับเรื่องที่ได้กำหนดไว้ในนโยบายฉบับนี้ โดยผู้ร้องเรียนจะต้องระบุรายละเอียดของเรื่องที่จะแจ้งเบาะแส หรือข้อร้องเรียน พร้อมหลักฐาน หรือ
ข้อมูลที่เพียงพอต่อการตรวจสอบ และแจ้งชื่อ ที่อยู่ และหมายเลขโทรศัพท์ ที่สามารถติดต่อได้ ส่งมายังช่องทางรับเรื่อง ดังนี้
1. ร้องเรียนผ่านโทรศัพท์เบอร์ 02669 4040 ต่อ 1130 อีเมล์ hr@benjamas.co.th
2. ร้องเรียนผ่านจดหมายส่งที่ ผู้อำนวยการฝ่ายทรัพยากรบุคคล บริษัท เบ็ญจมาศ จำกัด เลขที่ 555 ซอยร่วมจิตต์ ถนนราชสีมา แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร 10300
บทกำหนดโทษ
พนักงานหรือผู้ที่เกี่ยวข้องทางธุรกิจใดๆ ก็ตามที่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามนโยบายและแนวทางการป้องกันการทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้างหรือให้สินบน จะถูกลงโทษทางวินัยขั้นรุนแรง รวมถึง ถูกไล่ออก ยกเลิกสัญญาจ้าง แล้วแต่กรณี และนอกจากนั้น ยังอาจถูกฟ้องร้องดำเนินคดีตามกฎหมายต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันที่เกี่ยวข้องอีกด้วย โดยบริษัทฯ จะเป็นผู้พิจารณาบทลงโทษตามความเหมาะสม
นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Personal Data Protection Policy)
บริษัท เบ็ญจมาศ จำกัด (“บริษัทฯ”) ตระหนักและให้ความสำคัญกับข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า คู่ค้า พนักงาน และ/หรือของผู้เกี่ยวข้องกับธุรกิจของบริษัทฯ และกิจการในเครือเป็นอย่างสูง และเพื่อให้การเก็บ การใช้งาน การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลสอดคล้องกับพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 บริษัทฯจึงจัดทำคู่มือนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ดังต่อไปนี้
ส่วนที่ 1 : ข้อมูลส่วนบุคคล
ข้อมูลส่วนบุคคล หมายความว่า ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ
ข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้รับการคุ้มครองตามนโยบายนี้ ให้รวมถึง
1. ข้อมูลส่วนบุคคลทั่วไปของลูกค้า คู่ค้า ผู้มาติดต่องาน หรือบุคคลภายนอกที่เกี่ยวข้องใดๆ ในธุรกิจของบริษัทฯและกิจการในเครือ เช่น ชื่อ-นามสกุล รูปถ่าย หมายเลขโทรศัพท์ อีเมล์ ไอดีไลน์ เลขที่บัตรประจำตัวประชาชน เลขที่บัญชีธนาคาร ลายมือชื่อ ทะเบียนรถยนต์ หรือข้อมูลส่วนบุคคลอื่นใดที่จำเป็นต้องใช้ในการทำธุรกิจร่วมกันหรือตามที่กฎหมายกำหนด
2. ข้อมูลส่วนบุคคลทั่วไปของพนักงาน เช่น ชื่อ-นามสกุล เลขที่บัตรประจำตัวประชาชน เลขที่บัญชีธนาคาร รูปถ่าย ลายมือชื่อ ลายนิ้วมือ เบอร์โทรศัพท์ อีเมล์ ไอดีไลน์ เฟชบุกส์ วุฒิการศึกษา ชื่อบิดา มารดา คู่สมรส ข้อมูลในใบสมัครงาน หรือข้อมูลอื่นใดที่จำเป็นต้องใช้ในการจ้างงาน การบริหารงาน หรือตามที่กฎหมายกำหนด ขอจากเจ้าของข้อมูลโดยตรง
3. ข้อมูลที่มีความอ่อนไหวทั้งของลูกค้าหรือของพนักงาน เช่น เชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการ
เมือง ความเชื่อในลัทธิ ศาสนาหรือปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ ลักษณะเด่นทางกายภาพ หรือข้อมูลอ่อนไหวอื่นใดที่กฎหมายกำหนด ที่จำเป็นต้องใช้ในการทำงานหรือทำธุรกิจร่วมกันหรือตามที่กฎหมายกำหนด
ส่วนที่ 2 : วัตถุประสงค์และขอบเขตการใช้ข้อมูล
บริษัทฯและกิจการในเครือจะใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าหรือของพนักงาน ดังนี้
1. ตามความจำเป็นในการบริหารงาน
2. ตามสัญญาที่มีต่อกัน
3. ตามขอบเขตที่กฎหมายกำหนด
4. ตามประโยชน์ของเจ้าของข้อมูล
โดยจะใช้ข้อมูลในทุกฝ่ายที่จำเป็นต้องใช้ข้อมูลนั้น ๆ ในการทำงาน ทั้งในสำนักงาน โครงการ ส่วนงานของบริษัทฯและกิจการในเครือ คู่ค้า หรือหน่วยงานอื่นใดที่จำเป็นต้องใช้ข้อมูลดังกล่าว ทั้งในประเทศและหรือต่างประเทศ (ถ้ามี) ทั้งในปัจจุบันและในอนาคต โดยจะเก็บ รวบรวม ใช้ เปิดเผยอย่างเป็นความลับเพื่อความมั่นคงปลอดภัยของเจ้าของข้อมูล
ส่วนที่ 3 : อายุการเก็บข้อมูลส่วนบุคคล
1. ข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า คู่ค้า ผู้มาสมัครงานหรือติดต่องาน พนักงาน และของผู้เกี่ยวข้องกับธุรกิจของบริษัทฯ และกิจการในเครือ บริษัทฯ และกิจการในเครือจะเก็บไว้ตลอดเวลาที่ใช้ข้อมูลดังกล่าวตามวัตถุประสงค์และขอบเขตการใช้ข้อมูลในส่วนที่ 2 ข้างต้น โดยจะเก็บไว้ในสื่ออิเลคทรอนิกส์หรือเป็นเอกสารที่ปลอดภัย และจะเก็บต่อเนื่องไปตามระยะเวลาที่กฎหมายหรือระเบียบ ประกาศ หรือหลักเกณฑ์ที่บริษัทฯ และกิจการในเครือกำหนดให้เก็บรักษาไว้แม้จะไม่ได้ใช้ข้อมูลดังกล่าว จากนั้นจะทำลายโดยการย่อยหรือเผาทำลายหรือวิธีอื่นใด เพื่อป้องกันการนำมาใช้อีก
2. ข้อมูลใดที่เก็บไว้ในสื่ออิเลคทรอนิกส์ที่มั่นคง ปลอดภัย สามารถตรวจสอบได้ ถูกต้องตามจริงแล้ว บริษัทฯอาจทำลายข้อมูลที่เป็นกระดาษก็ได้ เพื่อไม่ให้เป็นภาระ ไม่ซ้ำซ้อน ในการจัดเก็บ
3. ข้อมูลที่ใช้งานทั้งข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าหรือพนักงาน หากมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลง บริษัทฯ จัดให้ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ทำการทบทวน อนุมัติก่อนการแก้ไขเปลี่ยนแปลงเพื่อให้มั่นใจว่า ข้อมูลที่คุ้มครองไว้นั้นได้รับการเก็บ รวบรวม ใช้ เปิดเผยอย่างมั่นคง ปลอดภัยของข้อมูล
4. ข้อมูลที่มีความอ่อนไหว (ตามมาตรา 26) หากจะมีการเก็บ รวบรวม ใช้ เปิดเผย หรือแก้ไขเปลี่ยนแปลงตามความจำเป็นในการบริหารงานหรือตามกฎหมายกำหนด บริษัทฯ จะขอความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลโดยชัดแจ้งและใช้อย่างระมัดระวังเป็นความลับ
5. ระหว่างเก็บ รวบรวม ใช้ เปิดเผย บริษัทฯกำหนดให้มีการตรวจสอบเป็นระยะ และให้มีการทบทวน ปรับปรุงให้เป็นปัจจุบันทั้งระบบอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง หรือในกรณีที่มีเหตุการณ์ผิดปกติ หรือกฎหมายประกาศแก้ไขเปลี่ยนแปลง หรือเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลง บริษัทฯ จะทบทวนและแก้ไขปรับปรุงทันที เพื่อให้มั่นใจว่าข้อมูลส่วนบุคคลได้รับการคุ้มครองตามนโยบายและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ส่วนที่ 4 : สถานที่เก็บและผู้เก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล
1.บริษัทฯ จะเก็บ รวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลในคอมพิวเตอร์ หรือสื่ออิเลคทรอนิกส์อื่นใดที่มีความ
มั่นคงปลอดภัย และจัดให้ผู้ใช้งานมี password หรือรหัสลับเฉพาะคนเพื่อให้มั่นใจว่า ข้อมูลส่วนบุคคลมีการเก็บรักษาที่มั่นคงและปลอดภัย
2.กรณีที่เก็บเป็นเอกสาร สถานที่เก็บจะจัดให้มีการล็อกกุญแจที่มั่นคง ปลอดภัยและกำหนดผู้รับผิดชอบเป็นการเฉพาะคน
ส่วนที่ 5 : การมอบหมายให้บุคคลภายนอกประมวลผลให้ หรือการส่งข้อมูลส่วนบุคคลไปต่างประเทศ
ในกรณีที่
1. บริษัทฯ ส่งข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าหรือของพนักงานไปให้บุคคลหรือหน่วยงานภายนอกดำเนินการตามข้อตกลงกัน
2. บริษัทฯ มอบหมายให้บุคคล หรือองค์กรอื่นใดทำการเก็บ รวบรวม ใช้ เปิดเผยข้อมูลให้
3. ลูกค้าที่รู้ข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าหรือของพนักงานขณะติดต่องานกัน บริษัทฯ จัดให้มีข้อตกลงให้หน่วยงานหรือบุคคลภายนอกนั้น เก็บ รวบรวม ใช้ เปิดเผย และคุ้มครองข้อมูลให้มั่นคง ปลอดภัยตามมาตรฐานที่กฎหมายกำหนด
4. การส่งข้อมูลที่มีความอ่อนไหวไปหน่วยงานภายนอก หรือส่งไปต่างประเทศ ต้องได้รับอนุมัติจากผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลในนามนิติบุคคล (กรรมการผู้จัดการ) และเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ให้มีความเห็นร่วมกันและปฏิบัติตามกฎหมายก่อนทุกครั้ง เพื่อให้มั่นใจว่า หน่วยงานภายนอกหรือประเทศปลายทางมีการคุ้มครองที่มั่นคง ปลอดภัยตามที่กฎหมายกำหนด
ส่วนที่ 6 : ผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
เพื่อให้นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลนี้ ดำเนินไปอย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ บริษัทฯ จึงแต่งตั้งให้พนักงานผู้มีตำแหน่งต่อไปนี้ ปฏิบัติตามนโยบายและ/หรือกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
1. กรรมการผู้จัดการ เป็นผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลในนามนิติบุคคล
2. ผู้แทนฝ่ายบริหารในระบบการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล มีหน้าที่จัดทำและบริหารระบบการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 และ/หรือ กฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง
3. เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เป็นผู้เสนอแนะ ตรวจสอบ ประสานงาน ควบคุม เพื่อให้ระบบการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลสอดคล้องกับกฎหมาย เป็นความลับและดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ
4. ผู้อำนวยการฝ่ายทรัพยากรบุคคล เป็นผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงาน
5. ผู้อำนวยการฝ่าย/หัวหน้าส่วนงาน/ผู้จัดการโครงการ เป็นผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานหรือของลูกค้าที่หน่วยงานตนเองใช้งาน
6. พนักงานทุกคน เป็นผู้เก็บ รวบรวม ใช้ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่ตนเองใช้งานตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย
7. ผู้จัดการฝ่ายคอมพิวเตอร์ เป็นผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรักษาไว้ในสื่ออิเลคทรอนิกส์ ซอร์ฟแวร์ ทั้งหมดของบริษัทฯ ให้มีความมั่นคง ปลอดภัย
8. คณะทำงานระบบการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เป็นผู้จัดทำและช่วยจัดการระบบคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลให้สอดคล้องกับกฎหมายนี้
ส่วนที่ 7 : สิทธิของเจ้าของข้อมูล
1. บริษัทฯ และกิจการในเครือให้ความเคารพสิทธิของเจ้าของข้อมูลอย่างสูงและจัดให้เจ้าของข้อมูลมีสิทธิ ดังต่อไปนี้
1.1. ขอคัดค้าน ขอระงับการใช้
1.2. ขอให้ลบออกจากการเก็บ การใช้ การเปิดเผย
1.3. ขอถอนความยินยอม
1.4. ขอให้แก้ไขเปลี่ยนแปลงให้ถูกต้อง
1.5. ขอรับสำเนา หรือขอรับการรับรองข้อมูล
1.6. ขอให้โอนข้อมูลไปยังหน่วยงานอื่น
1.7. ขอตรวจสอบวิธีการเก็บ การใช้ การเปิดเผยข้อมูล
1.8. ขอทราบแหล่งที่มาของข้อมูลที่ตนไม่ยินยอมไว้แต่แรก
1.9. ถ้าเกิดความเสียหาย หรือคนอื่นได้ประโยชน์ มีสิทธิฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย
ทั้งนี้ การใช้สิทธิดังกล่าวต้องไม่กระทบสิทธิการใช้ข้อมูลของบริษัทฯ และกิจการในเครือ ตามขอบเขตและวัตถุประสงค์ที่บริษัทฯ และกิจการในเครือกำหนดไว้ หรือตามที่กฎหมายกำหนด
2. กรณีที่บริษัทฯ และกิจการในเครือยังคงใช้ข้อมูลส่วนบุคคลตามวัตถุประสงค์และขอบเขตการใช้ข้อมูลดังกล่าวในส่วนที่ 2 โดยไม่นำไปหาประโยชน์ในทางที่มิชอบและไม่ทำให้เจ้าของข้อมูลเสียหาย ให้ถือว่าบริษัทฯ และกิจการในเครือได้รับความยินยอมจากลูกค้าหรือพนักงานให้ใช้ข้อมูลส่วนบุคคลนั้นตามปกติต่อไป
3. พนักงานที่มีเหตุสงสัย หรือพบเหตุผิดปกติจากการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของตน สามารถร้องเรียน หรือขอใช้สิทธิข้างต้นได้ที่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงาน(ผู้อำนวยการฝ่ายทรัพยากรบุคคล) ที่บริษัทฯ กำหนด เพื่อดำเนินการให้
4. ลูกค้าที่มีเหตุสงสัย หรือพบเหตุผิดปกติจากการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของตน สามารถร้องเรียนหรือขอใช้สิทธิข้างต้นได้ที่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลของแต่ละหน่วยงาน (ผู้จัดการ/หน้างานต้นสังกัดที่ลูกค้าติดต่องานด้วย) เพื่อดำเนินการให้
5. ผู้สนใจหรือผู้เกี่ยวข้องใดๆ กับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทฯแล ะกิจการในเครือ สามารถติดต่อได้ที่เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หมายเลขโทรศัพท์ 086-341-0132 หรือ www.benjamas.co.th ได้ในเวลาทำการ
6. พนักงาน ลูกค้า หรือผู้เกี่ยวข้องที่ไม่ได้รับความสะดวก ไม่ได้รับการแก้ไขตามสิทธิที่กำหนด ให้แจ้งเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อดำเนินการให้
7. การตัดสินข้อร้องเรียนหรือสงสัย ให้เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลโดยความเห็นของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลในนามนิติบุคคล (กรรมการผู้จัดการ) มีอำนาจตัดสินและให้ถือเป็นที่สุด
ส่วนที่ 8 : หน้าที่ของเจ้าของข้อมูล
1. นำส่งข้อมูลส่วนบุคคลของตนให้ผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้อง ตามที่ร้องขอภายในเวลาที่กำหนด
2. ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลส่วนบุคคล ให้แจ้งผู้เกี่ยวข้องทราบทันทีหรือภายใน 7 วัน นับถัดจากวันที่มีการเปลี่ยนแปลง
3. ต้องใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานหรือของลูกค้าตามหน้าที่โดยสุจริต ห้ามนำไปหาประโยชน์ส่วนตัวหรือห้ามทำให้เจ้าของข้อมูลเสียหายใด ๆ ทุกกรณี
4. หากพบเหตุผิดปกติ หรือเหตุการณ์ละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลอันอาจทำให้เกิดความเสียหาย ให้แจ้งบริษัทฯทราบทันทีเพื่อระงับได้ทันเหตุการณ์
ส่วนที่ 9 : บทลงโทษผู้ฝ่าฝืน
พนักงาน ลูกค้า หรือผู้ใด นำข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯ และกิจการในเครือคุ้มครองไว้
1. ไปใช้ เปิดเผย นอกจากวัตถุประสงค์ที่บริษัทฯ และกิจการในเครือกำหนดไว้ หรือโดยที่เจ้าของข้อมูลไม่ยินยอม
2. นำไปหาประโยชน์ส่วนตัว หรือทำให้เจ้าของข้อมูลเสียหาย
3. ทำผิดพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562
4. ทำผิดนโยบายหรือระเบียบปฏิบัติอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับนโยบายนี้
บริษัทฯ และกิจการในเครือจะลงโทษตามข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของบริษัทฯ และกิจการในเครือ และ/หรือดำเนินคดีตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดนั้น (แล้วแต่กรณี)
ส่วนที่ 10 : การประชาสัมพันธ์นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
1. ให้ฝ่ายทรัพยากรบุคคลเผยแพร่นโยบายนี้ ให้ผู้สมัครงาน พนักงานใหม่และพนักงานประจำทราบ
2. ให้ผู้จัดการ/หัวหน้าทุกหน่วยงานเผยแพร่นโยบายนี้ ให้ลูกค้า คู่ค้า ผู้มาติดต่องาน ที่ตนเองเกี่ยวข้องทราบ
3. ให้ผู้จัดการฝ่ายคอมพิวเตอร์ เผยแพร่นโยบายนี้ทาง Website หรือสื่อ Media ใดๆ ของบริษัทฯ ให้ผู้เกี่ยวข้องและ/หรือผู้สนใจทราบ
ส่วนที่ 11 : การขอความยินยอมให้ใช้ข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทฯ กำหนดให้
1. ฝ่ายทรัพยากรบุคคลแจ้งนโยบายนี้ แจ้งวัตถุประสงค์การใช้ข้อมูลให้ผู้สมัครงานทราบและยินยอมแต่แรกก่อนการสมัครงาน
2. ผู้อำนวยการฝ่าย/ผู้จัดการ/หัวหน้างาน/พนักงาน แจ้งนโยบายนี้ แจ้งวัตถุประสงค์การใช้ข้อมูลให้ลูกค้าทราบและยินยอมแต่แรกก่อนทำธุรกิจต่อกัน
ส่วนที่ 12 : การให้ความยินยอม
1. ลูกค้าหรือพนักงานที่บริษัทฯ และกิจการในเครือใช้ข้อมูลส่วนบุคคลมาก่อนวันที่ 1 มิถุนายน 2565 บริษัทฯ และกิจการในเครือขอใช้ข้อมูลส่วนบุคคลตามวัตถุประสงค์เดิมต่อไปตามปกติ
2. ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2565
2.1. ลูกค้าใหม่ ที่ตกลงทำธุรกิจต่อกันและไม่ได้แจ้งข้อขัดข้องใดๆ ให้บริษัทฯและกิจการในเครือทราบถือว่าลูกค้าใหม่นั้นให้ความยินยอมให้บริษัทฯ และกิจการในเครือใช้ข้อมูลส่วนบุคคลได้ตั้งแต่แรกที่ทำธุรกิจกัน
2.2. ผู้สมัครงาน ที่เขียนใบสมัครงานและไม่ได้แจ้งข้อขัดข้องใดๆ ให้บริษัทฯ และกิจการในเครือทราบถือว่าผู้สมัครงานนั้น ให้ความยินยอมให้บริษัทฯและกิจการในเครือใช้ข้อมูลส่วนบุคคลได้ตั้งแต่วันแรกที่จ้างงาน
2.3. ผู้สนใจทั่วไป ที่ไม่ได้แจ้งข้อขัดข้องใด ๆ ให้บริษัทฯ และกิจการในเครือทราบ ถือว่าผู้สนใจนั้น ให้ความยินยอมให้บริษัทฯและกิจการในเครือใช้ข้อมูลส่วนบุคคลได้ตั้งแต่วันแรกที่ติดต่อกัน